งานแต่งย่อมคู่กับดอกไม้  เพราะดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของความสดชื่น ช่วยเสริมบรรยากาศให้มีความสุข ดูโรแมนติกแต่ดอกไม้ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันก็มีหลากหลายพันธุ์ หากเลือกใช้ผิดช่วงเวลาแน่นอนราคาย่อมสูงเป็นธรรมดา

 

Happy Wedding.Life มีข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการเลือกดอกไม้มาใช้ในงานแต่ง ขอกระซิบว่าช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ดอกไม้สวยสุดและราคาไม่สูงเท่าซีซั่นอื่นๆ

 

และถ้าดอกไม้ชนิดไหนที่มีราคาแพงหน่อยก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดนะคะให้นำดอกไม้ชนิดอื่นมาแซมด้วย ส่วนดอกไม้ราคาไม่แพงมากนัก เราก็สามารถใส่ไอเดียในการออกแบบและจัดดอกไม้ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้เป็นดาวเด่นได้ค่ะ เสริมพวกกิ่งไม้ ใบไม้ลายสวยๆ ใบเฟริน์ ใบตอง ใบบัวก็เป็นลูกเล่นในการจัดซุ้มดอกไม้ที่กำลังอินเทรนด์และราคาสบายกระเป๋าด้วยค่ะ

 

 

 

1.  กุหลาบ ( Rose)

ต้องยกให้เป็นดอกไม้ที่ป๊อปปูล่าสำหรับดอกไม้ที่นำมาใช้ในงานแต่ง ดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของความรักที่สามารถออกดอกได้ตลอดปี  และมีให้เลือกหลายสี ราคาค่อนข้างถูกและหาง่าย แต่ถ้าหากแต่งงานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ควรหลีกเลี่ยงเจ้าดอกกุหลาบเพราะราคาจะสูงขึ้น

 

 

 

2.  ไฮเดรนเยีย ( Hydrangea )

เป็นดอกไม้ที่มีความหมายดี ที่หมายถึง "คำขอบคุณ" นิยมนำมาจัดคู่กับดอกไม้อื่น เพราะลักษณะของดอกจะมีกลีบบาง ออกดอกมากในช่วงฤดูร้อนไปจนถึงต้นๆ ของฤดูฝน ปลูกมากที่ภาคเหนือของไทยโดยเฉพาะเดือนพฤษภา-กันยายน แต่ถ้าต้องการดอกใหญ่ขึ้น ก็สามารถนำเข้าจากประเทศจีนได้

 

https://www.pinterest.com/pin/174514554287292709/

 

3.  คาร์เนชั่น ( Carnation )

มีหลากหลายสี ทั้งสีอ่อนและสีเข็ม เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง ลักษณะของกลีบดอกซ้อนกันจนฟู ทนต่ออากาศร้อนได้ดี เป็นดอกไม้ที่นิยมไม่แพ้ดอกกุหลาบ สามารถหาซื้อได้ทั้งปี  มีราคาที่ไม่แตกต่างกันมากนักไม่ว่าจะฤดูกาลใด

https://www.pinterest.com/pin/91620173646596574/

 

4.  สแตติส (Statice) 

เป็นดอกไม้ที่ทนทานต่อการเหี่ยวเฉามากซึ่งแม้จะแห้งก็ยังจะคงรูป นิยมนำไปจัดแซมประดับกับดอกไม้ชนิดอื่นและสามารถจัดได้ทั้งดอกแห้งและดอกสด สำหรับความหมายของดอกไม้ชนิด  คือ "มีความรู้สึกดีๆ ที่คงอยู่ตลอดไป" มีขายตลอดปีและมีราคาถูก

https://www.pinterest.com/pin/389139224024310639/

 

5.  ไลเซนทัส (Lisianthus)

มีลักษณะคล้ายดอกกุหลาบแต่จะออกดอกเป็นช่อ  กลีบดอกดูนุ่มนวลอ่อนช้อย  นิยมนำมาจัดรวมกับดอกไม้ชนิดอื่น มีหลายสี  ออกดอกได้ดีในช่วงฤดูฝนคือเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ส่วนความหมายของดอกไลเซนทัสคือ  "การเอาใจใส่และความทรงจำที่ดี"

 

https://www.pinterest.com/pin/224194887669820795/

 

6.  กล้วยไม้ (Orchid)

ดอกกล้วยไม้มีหลากหลายสายพันธุ์และหาง่าย เริ่มนิยมนำมาจัดประดับตกแต่งในงานแต่ง เพราะทนต่อการเหี่ยวและมีกลีบดอกที่แข็ง

มีราคาถูกและออกดอกสวยงามในช่วงฤดูหนาว ความหมายของดอกกล้วยไม้คือ "ความมั่งคั่ง"

https://www.pinterest.com/pin/520236194433319376/

 

7.  ลิลลี่ (Lily)

ฉายา ดอกไม้ของเจ้าหญิง เป็นดอกไม้ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา จึงนิยมนำมาประดับตกแต่งจัดซุ้มและเข้าช่อในงานแต่งงาน แต่ไม่นิยมจัดดอกลิลลี่อย่างเดียวเพราะจะมีกลิ่นแรงจึงนิยมนำดอกไม้ชนิดอื่นมาแซม ราคาสูงขึ้นมาหน่อย แต่หาซื้อได้ตามมูลนิธิโครงการหลวงค่ะ

 

https://www.pinterest.com/pin/548313323358250841/

 

8.  เบญจมาศ ( Chrysanthemum )

มีทั้งเบญจมาศดอกเล็กและดอกใหญ่ มีหลายสี สามารถนำมาเป็นดอกไม้หลักในการจัดได้เลยและมีดอกไม้ดอกเล็กๆ แซม ดอกเบญจมาศจะสวยและราคาถูกในฤดูหนาวตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ธันวาคม และฤดูร้อนช่วงเดือน มกราคม-กรกฎาคม ส่วนความหมายคือ "มีอายุยืนและความงามอันเป็นนิรันดร์"

 

https://www.pinterest.com/pin/539376492849270993/

 

9.  คัตเตอร์ ( Cutter )

เป็นดอกไม้สีขาวดอกเล็ก นิยมนำไปแซมกับดอกไม้ชนิดอื่น ช่วยให้ดอกไม้ชนิดอื่นดูเด่นขึ้นมาเป็นดอกไม่ที่มีราคาถูกและหาซื้อง่าย ส่วนความหมายคือ “ถึงแม้คุณจะไม่มองฉัน แต่ฉันจะมีเพียงคุณเท่านั้น”

 

https://www.pinterest.com/pin/162200024056103291/

 

10.  เยอบีร่า ( Gerbera )

เป็นดอกไม้ที่มีสีสดใสและมีหลากหลายสีสัน เป็นดอกไม้ที่ทนต่อการเหี่ยวเฉามีขายตลอดทั้งปีและสามารถปลูกได้หลายพื้นที่ จึงทำให้มีราคาไม่แพงแต่นำไปจัดเป็นช่อแล้วดูดีมีคุณภาพ ส่วนความหมายของดอกเยอบีร่า คือ "จิตใจที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาแต่แฝงไปด้วยความเข็มแข็ง"

 www.chodokmai.com